กุญแจรีโมทแบตหมด ทำยังไงดี กุญแจ Push Start แบตหมดต้องทำอย่างไร
รถรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบติดเครื่องด้วยปุ่ม Push Start และ ปลดล้อคประตูรถด้วยกุญแจรีโมท แต่เมื่อใช้ไปสักระยะนึง กุญแจรีโมทแบตหมด เปิดประตูรถไม่ได้ ทำยังไงดีหล่ะทีนี้
กฤษฎากู๊ดคาร์โชว์รูมรถมือสอง จะมาบอกวิธีแก้ไขปัญหานี้ครับ
โดยปกติแล้วเมื่อกุญแจรีโมทแบตเตอรี่เริ่มอ่อนแล้ว จะมีสัญญาณไฟเตือนบนหน้าปัดของรถเรา ให้เรารีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยเร็ว หากยังฝืนใช้อยุ่จนแบตเกลี้ยง ก็จะไม่สามารถปลดล็อคประตูและติดเครื่องยนต์ของเราได้ตามปกติ เนื่องจากระบบตัวรถไม่สามารถเชื่อมต่อกับ
กุญแจได้นั่นเอง แต่หากเกิดแบตหมดขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องกังวลครับ เรามีวิธีแก้ปัญหาอยู่
1.ใช้กุญแจที่ซ่อนอยู่กับรีโมทเพื่อปลดล็อค
ถอดกุญแจที่อยุ่กับรีโมทเพื่อไขประตูรถ กุญแจรถแต่ละรุ่นก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่รุ่น แต่ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็จะมีกุญแจไว้สำหรับไขประตูรถของเราทั้งหมดเพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินรีโมทกุญแจไม่ทำงาน แต่เมื่อใช้กุญแจนี้แล้วสัญญาณกันโขมยของตัวรถก็จะทำงาน ตามที่ระบบตั้งค่าไว้ป้องกันการโจรกรรมรถยนต์
2.ให้นำรีโมทไปแตะไว้ที่ปุ่ม Push Start
หลังจากนั้นกดปุ่ม Push Start ตามปกติ เครื่องยนต์ก็จะติดแล้วสัญญาณดังกันโขมยก็จะเงียบไป ปุ่ม Push Start จะมีสัญญาณอ่อนๆเชื่อมกับกุญแจรีโมทแม้แบตเตอรี่จะหมดแล้วก็ตาม แต่ต้องแตะแบบชิดๆ
3. ไปเปลี่ยนถ่านแบตเตอรี่ รีโมทรถโดยด่วน
ให้ขับไปหาตามพวกร้านซ่อมนาฬิกา ร้านพวกนี้จะรับเปลี่ยนถ่านรีโมทรถยนต์ด้วย ค่าใช้จ่ายไม่เกิน 150 บาท ไม่แพงเลย จะเป็นถ่านกระดุมที่สามารถหาซื้อได้โดยทั่วไป
อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่รีโมทรถหมดนานๆ เพราะจะเกิดการ “รถลืมรีโมท” ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถใช้รีโมทตัวนั้นได้อีก ต้องทิ้งแล้วไปใช้กุญแจรถสำรองแทน ดังนั้นควรเปลี่ยนถ่านกุญแจรีโมทตั้งแต่มีสัญญาณเตือนบนหน้าปัดรถเลยจะดีกว่าครับ
รถยนต์ยุคใหม่ที่ใช้ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ Push Start ถ้าหากวันหนึ่งแบตเตอรี่รีโมทเกิดหมดขึ้นมา ก็ยังมีระบบสำรองที่ช่วยให้คุณสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติด้วยนะ
โดยปกติแล้วเมื่อแบตเตอรี่กุญแจรีโมทเริ่มอ่อน ระบบจะแสดงข้อความเตือนบนหน้าจอในรถเพื่อให้คุณรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่โดยเร็ว แต่หากละเลยปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงแล้วล่ะก็ จะทำให้คุณไม่สามารถล็อก-ปลดล็อกประตู รวมถึงสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ตามปกติ เนื่องจากตัวรถจะไม่สามารถสื่อสารกับกุญแจได้นั่นเอง แต่หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะยังมีระบบสำรองที่ช่วยให้คุณสามารถปลดล็อกและสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ โดยมีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ดังนี้
1. ใช้กุญแจที่ซ่อนอยู่ในตัวรีโมทเพื่อปลดล็อกรถ โดยวิธีการถอดกุญแจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ จากนั้นใช้กุญแจไขบริเวณมือเปิดประตูเพื่อปลดล็อก ซึ่งระหว่างนี้อาจทำให้สัญญาณกันขโมยดังขึ้นได้
2. ให้นำรีโมทไปแตะบริเวณปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วจึงกดสตาร์ทเครื่องยนต์ตามปกติ เครื่องยนต์จะติดขึ้น และสัญญาณกันขโมยจะดับไปเอง (ตำแหน่งสำหรับแตะกุญแจของรถบางรุ่นอาจแตกต่างกันออกไป โปรดศึกษาจากคู่มืออีกครั้ง)
ทางที่ดีเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว ควรรีบเปลี่ยนแบตเตอรี่รีโมทโดยเร็ว เพื่อป้องกันอาการ "รีโมทลืมรถ" ซึ่งจะทำให้รีโมทไม่สามารถใช้งานกับรถคันเดิมได้อีก ซึ่งแบตเตอรี่ที่ใช้กับรีโมทส่วนมากมักเป็นถ่านกระดุมที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเลือกขนาดให้ตรงกับของเดิมเท่านั้น
0 ความคิดเห็น